- ผลิตไฟฟ้าแรงดันสูง 3.5-9.0 กิโลโวลต์ (1,500-9,000 โวลท์) กระแสต่ำ ปรับได้ตั้งแต่ 10-200 มิลลิแอมป์?ควบคุมการทำงานด้วยเบรคเกอร์ระบบ RCD ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์เซฟทีคัท ตั้งค่าป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไว้ที่ 15 มิลลิแอมป์
- ใช้เบรคเกอร์จับสัญญาณไฟฟ้าผิดปกติที่ 15 มิลลิแอมป์ แต่ความถี่กระแสไฟฟ้าสามารถใช้แล้วไม่เกิดอันตรายนั้น ไม่ควรเกิน 5 มิลลิแอมป์ ดังนั้นถ้าเกิดกรณีไฟฟ้ารั่วที่ความถี่ 5 มิลลิแอมป์ เบรคเกอร์จะตรวจจับสัญญาณไม่ได้ จึงทำให้เบรคเกอร์ไม่ตัดการทำงาน เมื่อกระแสไฟฟ้ารั่ว ทำให้ไฟฟ้าสามารถรั่วลงเครื่องจักรได้
- ที่สำคัญคือ เมื่อเบรกเกอร์ไม่สามารถจับสัญญาณไฟฟ้าความถี่ต่ำกว่า 15 มิลลิแอมป์ ได้ และไม่ตัดไฟ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้ เช่นกัน
- แม้ความถี่กระแสไฟฟ้าจะมีเพียง 5 มิลลิแอมป์ แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับเครื่องจักรได้เช่นกัน
|
- แปลงกระแสไฟฟ้าทั่วไป 220 โวลท์ ให้เป็นไฟฟ้า
- (ไฟAC) ที่มีแรงดันสูงประมาณ 8,000 โวลท์ แต่ความถี่กระแสไฟฟ้าที่ต่ำเพียง 5 มิลลิแอมป์ โดยจะทำการตัด – ปล่อยกระแสไฟฟ้า ทุกๆ 0.5 วินาที
- ตั้งเวลาการทำงานได้ 24 ชม. หรือตามเวลาที่ต้องการ
- ต่อสายกราวด์เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร โดยแยกจากสายกราวด์ (สายดิน) ของอาคาร เพื่อป้องกันการรบกวนระบบไฟฟ้าของอาคาร
- ใช้เซ็นเซอร์ 2 ตัว ตรวจจับสัญญาณการทำงานที่ผิดปกติซึ่งอาจจะมาจากการจ่ายระบบไฟฟ้ารั่ว (ไฟลงกราวด์) หรือลวดนำไฟฟ้าขาดที่จุดใดจุดหนึ่ง ติดตั้งเบรคเกอร์อิเล็คโทรนิคที่มีความไวกว่าเบรคเกอร์ที่เครื่องยี่ห้ออื่นใช้อยู่ถึง 4,000 เท่า เพื่อใช้ในการตรวจจับสัญญาณการทำงานที่ผิดปกติของเครื่อง เนื่องจาก ความถี่ของกระแส กระแสไฟฟ้าที่ใช้อยู่นั้นต่ำเพียง 5 มิลลิแอมป์เท่านั้น การใช้เบรคเกอร์ตัดไฟฟ้าทั่วๆไปที่มีขายอยู่ เช่น เซฟทีคัท จะไม่สามารถตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติ
- ระบบนี้เหมาะกับโรงงานที่มีเครื่องจักรที่ระบบการทำงานภายในเครื่องมีความละเอียดสูง และต้องการความปลอดภัยสูง
|