วันนี้ เว็บไซต์ รับไล่นก ขอนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับนกพิราบมาฝากท่านผู้อ่านครับ
ภัยเงียบจากนกพิราบ
สัตวแพทย์หญิงปราณี พาณิชย์พงษ์
นกพิราบนอก จากจะเป็นนกแห่งสันติภาพแล้ว ยังเป็นที่ชื่นชอบ ให้ความเพลิด เพลินแก่เด็กๆ และคนทั่วไป ในการเฝ้ามองเวลาโปรยอาหารให้แล้วนกบินมาแย่งกันจิกกิน ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่าการกระทำเหล่านั้นอาจนำอันตรายมาสู่คนได้ เป็นภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่นึกไม่ถึง
หากอยู่ใกล้ชิดนกพิราบอาจได้รับเชื้อโรคคลามัยดิโอซีสหรือโรคไข้นกแก้วซึ่ง เกิดจากเชื้อChalamydia psittaci หรือปัจจุบันเรียกเป็นChlamydophila psittaci เป็นโรคที่ติดต่อได้ระหว่างนกด้วยกัน และทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมถึงแมวและคนด้วย อีกโรคหนึ่งที่พบได้และทำให้คนเสียชีวิตมาแล้วหลายราย คือ โรคสมองอักเสบจากเชื้อรา คริปโตคอคคัส (Cryptococcal meningitis) หรือ Cryptococcosis ซึ่งเกิดจากเชื้อ คริปโตคอคคัส นีโฟอร์มาน (Cryptococcal neoformans) เป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง เจริญเติบโตได้ง่ายและพบในอุจจาระของนกพิราบ เชื้อแพร่
โรคนี้ติดต่อได้ในสัตว์เช่น แมว สุนัข ปศุสัตว์ รวมถึงคน แต่ การติดต่อระหว่างคนสู่คนเกิดขึ้นได้ยากมากอาจมีอาการป่วยอย่างเฉียบพลันหรือ อาจเป็นแบบเรื้อรัง เกิดรอยโรคที่ผิวหนังเป็นตุ่ม หนอง ผื่น แพ้ คัน อาจแสดงอาการสมองอักเสบ อาการอื่นๆเช่น ตาอักเสบ โพรง จมูกอักเสบ ข้ออักเสบ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนก (H5N1) ในนกพิราบที่ตกลงมาตาย
โรคอื่นๆ ที่พบแต่น้อยมาก และพบในต่างประเทศเช่นปอดอักเสบ Q fever ท้องเสีย อาการแพ้หรือเครียด เนื่องจากหมัดจากนกพิราบ
คน มีความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวต่ำส่วนมากจะเกิดกับบุคคลที่มีอาชีพ ซึ่งเกี่ยว ข้องและใกล้ชิดกับนกพิราบ มีโอกาสสัมผัสโดย ตรงกับแหล่งอาศัยและ มูลอุจจาระได้ง่าย ผู้ที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันโรค ในเด็กและคนชราอาจมีความเสี่ยงต่อการติดโรคมากกว่า คนปกติถึง 1,000 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคจากเชื้อราที่พบในมูลขับถ่ายของนกพิราบ
หาก ต้องสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดนกพิราบควรมีผ้าปิดจมูก และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังสัมผัสสัตว์ ทำความสะอาดเก็บกวาดมูลนกอย่าให้หมักหมมเพราะจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
บทความจาก http://www.dld.go.th/dcontrol/th/index.php/component/content/article/69-2010-06-16-02-17-58/1560-pigeon.html